แม่ ลูก >นั้งรถเข็น ครั้งแรก เพื่้อหัดเดิน (หัดเดินได้จริงหรือไม่)



นั้งรถเข็น ครั้งแรก เพื่้อหัดเดิน (หัดเดินได้จริงหรือไม่)

นั้งรถเข็น ครั้งแรก เพื่้อหัดเดิน จริงๆแล้วการนั้งรถเข็ค ที่เป็นวงกลมนั้นไม่ได้ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการในการเดินได้เร็วขึ้น แต่มันสามารถช่วให้กล้ามเนื้อส่วนขาของเจ้าตัวน้อยนั้น มีความแข็งแรงขึ้น แต่ครั้งแรกที่ได้นั้งนั้น คุณแม่ต้องคอยระวังเรื่องการนั้ง การนั้งนั้นต้องให้อยู่ในท้าหลังตรงไม่งัน เด็กจะมีโอกาส ปวดหลังเมื่อแก่ตัวไป (อันนี้คุณหมอสุรางรัตน์ หมอ รัตนเวชนครสวรรค์แนะนำมา)  ในการจัดท้านั้งนั้นหาก สังเกตุแล้วลูกยังนั้งแล้วไม่สะบายตัว ก็เอาผ้าเช็ดตัวหรืออะไรก็ได้ที่นุ่มๆ ลองข้างหลังเพื่อให้หลังตรงตลอดเวลา ระยะการเดินครั้งแรกนั้น เมื่อใช้ รถเข็นกลมๆ ครั้งแรกเด็กจะตกใจบางคนไม่ยอมนั้งเลยทีเดี่ยว แต่ถ้าหัดหรือฝึกให้นั้งไปเรื่อยๆ จนชิน และคราวนี้และ ท่านจะไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะเค้าจะเดินไปมารอบบ้านเลยนะ

ข้อควรระวัง ควรเลือกรถเข็นให้ดีๆ เพราะบางรุ่นบางยี่ห้อ ช่วงล้อมันไปพอดีกับขาหนูน้อยพอดี ทำให้ขาเข้าไปติดเวลาเดิน จะทำให้เป็นแผลได้ และเด็กจะไม่ยอมเดินอีกเลย ให้อยู่หากปลั๊กไฟ หรือ เต้าเสียบไฟ ไว้ เพราะวัย 5 เดือนขึ้นไป เริ่มเกิดความรู้ความสงสัยแล้วจะเอานิ้วไปแหย่รูได้นะ เหมือนน้องปาล์ม เค้าจะวิ่งเค้าหารูตรงปลั๊กไฟตลอดเลย แล้วจะพยายามเอานิ้วแหย่เข้าไป และอีกอย่างคือพััดลมตั้งโต๊ะควร เอาให้ห่างๆ หรือไว้บนที่สูงนะ เพราะเค้าจะเอานิ้วแหย่เข้าไป เพราะเจอมาแล้ว นั้งทำงานอยู่ ได้ยินเสียง เหมือนพัดลม ตีพวกผ้า ที่เข้าไปติด หัดไปอีกที น้ิิองปาล์มเอานิ้วไปแหย่ซะงัน (โดนเฉี่ยวๆนะ) แม่ ลูก..

ครบ6เดือนแล้วสำหรับหนูน้่อยที่กำลังเติบโตไปสู่โลกกว้าง ในอนาคตข้างหน้า หนูจะเป็นยังไงนะ

ครบ6เดือนแล้วสำหรับหนูน้่อยที่กำลังเติบโตไปสู่โลกกว้าง ในอนาคตข้างหน้า หนูจะเป็นยังไงนะ
เมื่ออายุเข้่า 6 เดือนพัฒนาการ ของเจ้่าตัวน้อยเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดคือ เริ่มโกงตัว หรือบางครั้งกระดืบได้แล้วแต่เป็นระยะสั่นๆเท่านั้น และที่คงจะเห็นได้ชัดเจนอีกอย่างหนึ่งคืออการ ใช้ มือในการหยิบจับซึ่งค่อนข้างที่จะเริ่มทำได้ถนัดขึ้น การฟังและดูในระยะนี้ เริ่มสนใจในเสียงเพลงมากขึ้น โดนหากเปิดเพลงบรรเลง เจ้าหนูน้อยจะ ตั้งใจฟังอย่างมาก และอีกอย่่างที่ ต้องฝึกพัฒนาการคือการทาน ระยะนี้เริ่ม ให้ทานอาหาร อย่างอื่นนอกจากนม แล้ว เช่น กล้วยสุก หรือตับบทแต่ไม่ึควรให้ทานเยอะในช่วงแรกเพราะเจ้าหนูน้อยอาจจะยังรับอาหารไม่ไหว และอาจจะเป็นไข้ได้นะ

คุณแม่ต้องเิริ่มฝึกให้เจ้าหนูน้อยได้ออกกำลังกายโดยการนั้งรถเข็นและพยายามพาออกไปเดินเล่นนอกบ้านบ่อยๆนะ เดี่ยวจะเหมือนกับน้องลูกปาล์ม เอาออกไปเจอ คนเจอกลัว ไม่้ให้ใครอุ่มเลย ช่วงนี้ หนูน้อยจะเริ่มไม่ค่้อยอยากน้อนนะ เท่าที่สังเกตุจะห่วงเล่นมากว่า ยังไง ถ้าไม่อยาก อดนอนในตอนกลางคือ กลางวันก็เล่นกับเค้าบ้าง และให้ปรับสภาพการนอน เช่น การสร้างบรรยากาศ ให้ต่างกัน คือพอขึ้นห้องน้องก้ไม่ต้องเล่นกับเค้าืแล้วเพื่อที่เค้าจะได้เคยชิน ว่าต้องนอน ไม่งัน กลางคือเราจะไม่ได้นอนนะ อิอิ ใคร เลี้ยงลูกด้วยเปล ก็ไม่ควรไกวมากนะ เพราะถ้าเด็กติดเปลขึ้นมาเมื่อไหร่จะลำบาก.....

พาลุูกมาฉีดวัคซีน ที่โรงพยาบาลและได้รับคำแนะนำจากคุณหมอหลังฉีดวัคซีน.





พาลุูกมาฉีดวัคซีน ที่โรงพยาบาลและได้รับคำแนะนำจากคุณหมอหลังฉีดวัคซีน.

พาลุูกมาฉีดวัคซีน ครั้งที่ 2 ซึ่งโดยปรกติแล้วเด็กแรกเกิดนั้น ควรได้รับวัคซีนตามกำหนดเพื่อป้องกันและสร้างภูมิคุ้มกันโรงต่างๆ โดยการฉีดวัคซีนนั้นสามารถพาลูกไปรับวัคซีนได้ที่โรงพยาบาล หรือสถานีอนามัยใกล้บ้านอย่าปล่อยทิ้งไว้

ไม่เช่นนั้นลูกท่านอาจจะได้รับวัคซีนไม่ครบ โดยสามารถดูตารางการรับวัคซีนได้จากสมุดบันทึกการได้รับวัคซีนป้องกันโรคพื้นฐาน ได้ใน สมุดบันทึกสุขภาพและเด็ก โดยวัคซีนที่เด็กควรได้รับ มี วัคซีนป้องกันวัณโรค,วัคซีนป้องกันโรดตับอักเสบบี,วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ,วัคซีนป้องกันโรค

คอตีบ.บาดทะยัก,ไอกรน,ตับอักเสบบี,และอีกหลายๆโรคดังนั้นท่านควรตรวจสอบดูว่าลูกของท่านได้รับวัคซีนครบหรือยังโดยหลังจากได้รับวัคซีนบางชนิดนั้นเด็กอาจตัวร้อน เป็นไข้ซึ่งจะหายได้ในเวลาอันสั้น ให้เช็ดตัว ดื่มน้ำมากๆ และให้ยาลดไข้ ตามคำแนะนำของแพทย์  แผลที่เกินจากการฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรคนั้น อาจเป็นฝีขนาดเล็กอยู่ได้นาน 3-4 สัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องใส่ยาหรือปิดแผล ใช้สำลีสะอาดชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วเช็ดรอบๆ แผล

นอนคว่ำจะทำให้ลูกน้อยของเรานอนได้นานขึ้นจริงหรือ





นอนคว่ำจะทำให้ลูกน้อยของเรานอนได้นานขึ้นจริงหรือ

หลายๆท่านคงสงสัยและคงเลยได้ยินกันมาหลายๆครั้งแล้วว่า การนอนคว่ำนั้นจะทำให้ลูกน้อยหลับได้นานขึ้น แต่มันเป็นเรื่องจริงหรือ คุณแม่มือใหม่หลายๆท่านคงเคยสังเกตุกันใช่ไหมว่า เวลาลูกน้อยของเรานั้นนอนหงายนั้นจะทำให้ลูกน้อยของเราันั้นนอนผวาก็เพราะ ก่อนคลอดลูกน้อยของเราอยู่ในท้องซึ่ง เมื่อออกสู่โลกภายนอกที่กว่าใหญ่้จึงทำให้ลูกน้อยของเรายังปรับตัวกัีบสภาพต่างๆไม่ได้ จึงเห็นสาเหตุให้ลูกของเราๆนั้นนอนผวาได้นั่นเอง แต่คนสมัยก่อนก็มีวิธีที่ทำให้ลูกของเราไม่ต้องนอนผวา ก็คือหาผ้าหนักๆ หน่อยมาวางทับที่หน้าอกเวลานอน

จะช่วยให้ลูกของเรานั้นนอนหลับได้สนิทขึ้นนั้นเอง และอีกวิธีหนึ่งคือ การนอนคว่ำจะช่วยให้ลูกของเรานอนได้นานขึ้นเพราะจะไม่ทำให้ลูกของเรานอนผวานั้นเอง แต่แนะนำหากเป็นคุณแม่มือใหม่จริงๆ และสำหรับเด็กแรกเกิดแล้วนั้น การนอนคว่ำควรมีคุณแม่คอยดูตลอดเพราะลูกเราอาจจะเอาจมูกไปอุดไว้กับที่นอนและจะำทำให้ลูกของเราหายใจไม่ได้นะ...

ขาดไม่ได้สำหรับผู้ที่มีเด็กทารกแรกเกิด และมีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้าน

ขาดไม่ได้สำหรับผู้ที่มีเด็กทารกแรกเกิด และมีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านด้วยท่านรู้หรือไม่ว่าสัตว์เลี้ยงนั้นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกของท่านป่วย และหนักสุดอาจจะเป็นหอบหืดได้ หลายๆท่านคงจะระวังเรื่องนี้กันอยู่พอสมควรแต่สำหรับท่านที่รักสัตว์เป็นตัวนั้นมากอาจจะตัดใจได้อย่างที่จะเอาเค้าไปให้ผู้อื่นเลี้ยง แต่สัตว์ก็เป็นพาหะนําโรคหลายๆอย่างเหมือนกันในยุคปัจจุบันนี้ ที่หนี้ไม่พ้นที่ทำให้ลูกน้อยของท่านเกิดอาการหอบหืดคงหนี้ไม่พ้นฝุ่นละออกที่มากลับอากาศ ท่านรู้หรือไม่ว่าในอากาศ ณ ปัจจุึบันนี้มีเชื้อโรคเจือปนอยู่ด้วย บวกกับไรขนของเจ้าสัตว์เลี้ยงของเราเข้าไปอีก นั้นแหละจะทำให้ลูกน้่อยของเราเจ็บปวยได้ อาการที่บงบอกว่าลูกเราเริ่มมีอาการหอบหืด สามารถสังเกตุได้ง่ายๆ เมื่อลูกเรามีอาการดังต่อไปนี้

ท่านั้งกับการอุ้มลูก มีผลต่อการปวดหลังเมื่อลูกน้อยเติบโตและมีอายุมากขึ้น



ท่านั้งกับการอุ้มลูก มีผลต่อการปวดหลังเมื่อลูกน้อยเติบโตและมีอายุมากขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เจอกับหมอท่านหนึ่งซึ่งเค้าแนะนำการอุ้มลูกและการให้ลูกนั้ง ในเด็กทารก และแรกเกิดนั้นกระดูกของเค้ากำลังเริ่มพัฒนา หากมีการอุ้มหรือจับให้นั้งโดยไม่ถูกวิธีแล้วนั้นจะส่งผลต่อการปวดหลังของเค้าในอนาคตโดยการจัดท่าให้เด็กทารกหรือเด็กแรกเกินนั้นควรให้อุ้มเค้าให้หลังตรงไม่ควรให้หลังงอ การนั้งก็เหมือนกันให้หลังตรงเข้าไว้ไม่ควรให้หลังงอ อย่าลืมทำกันละ..

เข้าโรงพยาบาลตรวจโรค หลังจากมีอาการไอ และหายใจหายใจครืดคราด


   เข้าโรงพยาบาลตรวจโรค หลังจากมีอาการไอ และหายใจหายใจครืดคราด กลัวจะเป็นโรคหอบ หืด เพราะที่บ้านเลี้ยงแมวไว้ด้วย เมื่อมีอาการอาการไอ และหายใจหายใจครืดคราด ก็เลยตกใจพาไปให้หมอตรวจที่โรงพยาบาล พอไปถึงโดนจับชั่งน้ําหนักโดยคุณพยาบาลใจดี สรุปสองเดือน น้ำหนัก 6 กิโลกรัม หลังจากนนั้นคุณหมอก็เรียกเข้าไปในห้องตรวจ จากนั้นหมอได้เอาเครื่องมือที่ไว้สำหรับฝังการหายใจอะ ไม่รู้ว่าอะไรอิอิ หมอบอกว่าในปอดน่ามีเสมหะ หมอเลยให้ไปเอ็กซเรย์และทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจดูว่ามีการติดเชื้อไวรัสหรือไม่ ผลสรุปเสมหะเข้าไปอยู่ในปอดเยอะมาก ทำให้ปอดติดเชื้อไวรัส หมอให้ยามาทาน 5 วัน หลังจากนั้นก็อาการดีขึ้น.. หากท่านพบว่าลูกมีอาการดังข้างต้นควรรีบนำไปให้คุณหมอตรวจดีกว่าอย่าปล่อยไว้นานนะ...